
Fat Necrosis: ภาวะแทรกซ้อนหลังเติมไขมันที่ควรรู้
ทำความเข้าใจ Fat Necrosis เพื่อความปลอดภัยในการทำศัลยกรรมความงาม
การทำศัลยกรรมความงาม โดยเฉพาะการ เติมไขมัน (Fat Grafting / Fat Transfer) เป็นเทคนิคยอดนิยมที่ช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก หรือเพิ่มวอลลุ่มให้กับส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น Fat Necrosis หรือ “ไขมันเน่าใน” ภาวะไขมันตาย
แม้ภาวะนี้จะไม่พบบ่อย แต่หากเกิดขึ้นอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ ความสวยงาม และความมั่นใจของผู้รับการรักษา การมีข้อมูลที่ถูกต้องตั้งแต่ต้นจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้รอบคอบ และสามารถดูแลตัวเองได้ถูกวิธีหากพบปัญหา
ทำความเข้าใจ Fat Necrosis เพื่อความปลอดภัยในการทำศัลยกรรมความงาม
ความหมายและลักษณะของ Fat Necrosis
Fat Necrosis หรือ “ไขมันตาย” คือภาวะที่เซลล์ไขมันหยุดทำงานและเสื่อมสลาย เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยงเพียงพอหลังการเติมไขมัน ซึ่งมักเกิดจากไขมันที่ฉีดเข้าไปไม่สามารถสร้างหลอดเลือดใหม่ (neovascularization) ได้ทัน ทำให้เนื้อเยื่อไขมันบางส่วนตายลง
เมื่อเซลล์ไขมันตาย ร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบและพยายามสลายไขมันนั้นออก ส่งผลให้เกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง บางครั้งอาจมีการเปลี่ยนสีผิวหรือเกิดพังผืด
กลไกการเกิด Fat Necrosis และการก่อตัวของหินปูน
ไขมันที่ถูกดูดออกจากร่างกายแล้วนำไปฉีดเติมเต็ม จะต้องพึ่งพาการไหลเวียนเลือดจากเนื้อเยื่อรอบๆ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อ แต่หากมีการฉีดไขมันในปริมาณมากเกินไป หรือฉีดในชั้นผิวที่มีเลือดมาเลี้ยงไม่เพียงพอ จะทำให้บางส่วนตายลงและเกิด Fat Necrosis
ในบางกรณี Fat Necrosis อาจพัฒนาเป็น “ก้อนหินปูน” ได้ กลไกคือเมื่อเซลล์ไขมันบางส่วนตาย ร่างกายจะมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวมาจัดการ เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวตาย จะเกาะรวมกันรอบก้อนไขมันตายและค่อยๆ กลายเป็นก้อนหินปูนใต้ผิวหนัง
- สาเหตุหลัก: การฉีดไขมันปริมาณมากเกินไปจนไขมันอัดแน่น เส้นเลือดเข้าไปเลี้ยงไม่ได้
- อีกสาเหตุหนึ่ง: การฉีดไขมันเป็นก้อนขนาดใหญ่จากการเตรียมเซลล์ที่ไม่ละเอียด ไม่มีการคัดกรองอย่างดี ทำให้ไขมันเบียดกันและตายคล้ายกรณีแรก
ก้อนหินปูนที่เกิดขึ้นมักมีขนาดไม่เท่ากัน อยู่ใต้ผิวหนัง และอาจสังเกตได้ยากในระยะแรก แต่ในระยะยาวอาจกลายเป็นก้อนแข็งหรือซีสต์ไขมันที่ต้องได้รับการรักษา
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของ Fat Necrosis
เทคนิคการฉีดไขมัน
- การฉีดในปริมาณมากเกินไปในตำแหน่งเดียว
- การฉีดในชั้นผิวที่มีเลือดมาเลี้ยงน้อย
คุณภาพของเซลล์ไขมัน
ไขมันที่ผ่านกระบวนการเตรียมที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ได้คัดกรองเซลล์ที่ดีพอ
สุขภาพของผู้ป่วย
- ผู้สูบบุหรี่
- ผู้ป่วยเบาหวาน
- โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด
การดูแลหลังทำ
- การกดทับแรงๆ หรือการกระแทกในช่วงฟื้นฟู
อาการและสัญญาณของ Fat Necrosis
- ก้อนแข็งหรือปุ่มนูนใต้ผิวหนัง
- เจ็บ ปวด หรือกดแล้วเจ็บ
- การเปลี่ยนสีผิว เช่น แดง ม่วง หรือคล้ำ
- ผิวบริเวณนั้นบุ๋มหรือไม่เรียบ
อาการอาจเริ่มปรากฏภายใน 2–4 สัปดาห์หลังเติมไขมัน และบางรายอาจชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายเดือน
การวินิจฉัย Fat Necrosis
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์
- อัลตราซาวนด์หรือ MRI เพื่อดูโครงสร้างก้อน
- การตรวจชิ้นเนื้อในบางกรณี
การป้องกัน Fat Necrosis และการเกิดหินปูน
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและใช้เทคนิค microdroplet technique
- ใช้ปริมาณไขมันที่เหมาะสมในแต่ละจุด
- เตรียมและคัดกรองเซลล์ไขมันอย่างละเอียด
- งดสูบบุหรี่และควบคุมโรคประจำตัวก่อน–หลังทำ
- หลีกเลี่ยงการกดทับหรือออกแรงมากในช่วง 2–4 สัปดาห์แรก
วิธีการรักษา Fat Necrosis และก้อนหินปูน
- ติดตามอาการ: ก้อนเล็กอาจยุบเองได้
- การฉีดละลายพังผืดหรือดูดออก: สำหรับก้อนขนาดกลาง
- การผ่าตัดเอาออก: ในกรณีที่ก้อนใหญ่ แข็ง หรือส่งผลต่อรูปร่างชัดเจน
FAQ เกี่ยวกับ Fat Necrosis
Q: Fat Necrosis เกิดบ่อยไหม?
A: พบไม่บ่อย แต่โอกาสเกิดขึ้นขึ้นอยู่กับเทคนิค ปริมาณไขมัน และสุขภาพผู้ป่วย
Q: ป้องกันได้ไหม?
A: ลดความเสี่ยงได้ด้วยเทคนิคการฉีดที่ถูกต้องและการดูแลหลังทำอย่างเคร่งครัด
ความเชี่ยวชาญของ Siam Loft Clinic ในการป้องกันและจัดการ Fat Necrosis
Siam Loft Clinic ใช้เทคนิคเติมไขมันที่อ่อนโยน แม่นยำ และเตรียมไขมันด้วยเครื่องมือคุณภาพ เพื่อลดการตายของเซลล์ มีการประเมินอย่างละเอียดก่อนทำ และติดตามผลหลังทำอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน หากเกิด Fat Necrosis หรือ มีก้อนหินปูน ทีมแพทย์พร้อมรักษาครบวงจร ตั้งแต่การดูแลเบื้องต้นจนถึงการผ่าตัดแก้ไข พร้อมอุปกรณ์วินิจฉัยมาตรฐานโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด
สอบถามข้อมูล Fat Transfer เพิ่มเติม SIAM LOFT Clinic
โทรศัพท์ : 061-669-9252
LINE : @Siamloft.clinic
Facebook : facebook.com/SiamLoftClinic
Email : siamloft.c@gmail.com