
4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนการตัดสินใจปลูกผม
ไขข้อสงสัย ก่อน ปลูกผม ควรรู้อะไรบ้าง ?
ปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน ที่มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม ความเครียด มลภาวะ ปริมาณฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ที่มากจนเกินไป หรือแม้กระทั่งการเจ็บป่วยด้วยโรคบางชนิด ล้วนเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้หลาย ๆ คนเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในภาพลักษณ์ของตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การทำศัลยกรรมปลูกผม (Hair transplant) จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งในทางเลือกใหม่ที่ไม่เพียงสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับผมได้อย่างครอบคลุม แต่ยังช่วยฟื้นคืนความมั่นใจให้กับผู้ที่เข้ารับการปลูกผมทุกคนได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปลูกผมจะตอบโจทย์การช่วยแก้ไขปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ขั้นตอนในการปลูกผมก็มาพร้อมด้วยรายละเอียดมากมายที่ผู้เข้ารับการปลูกผมทุกคนควรทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วน เพื่อช่วยให้การปลูกผมให้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด
การปลูกผมสามารถทำได้หลายรูปแบบ
ในปัจจุบันนี้ เทคนิคการทำศัลยกรรมปลูกผมที่ได้มาตรฐานและได้รับความนิยมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ เทคนิคการปลูกผมแบบตัดหนังศีรษะ (Follicular Unit Hair Transplant : FUT) และเทคนิคการปลูกผมแบบเจาะรากผม (Follicular Unit Extraction/Excision : FUE) ซึ่งเทคนิคการปลูกผมแต่ละรูปแบบก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- เทคนิคการปลูกผมแบบตัดหนังศีรษะ หรือ FUT เป็นเทคนิคการปลูกผมแบบดั้งเดิม โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการผ่าตัดหนังศีรษะที่บริเวณท้ายทอย หรือบริเวณหลังกกหูทั้งสองข้าง ที่มีเส้นผมในปริมาณที่ค่อนข้างหนาแน่นออกมา ก่อนจะนำเอาชิ้นเนื้อดังกล่าวมาทำการแยกรากผมออกจากกันเป็นกราฟต์ แล้วนำกราฟต์ที่มีความเหมาะสมมากที่สุดไปปลูกลงในบริเวณที่มีปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน
โดยถึงแม้ว่าเทคนิคการปลูกผมในลักษณะดังกล่าวนี้จะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ทว่าผู้ที่เข้ารับการปลูกผมอาจจะต้องเสี่ยงกับการเกิดแผลเป็นขนาดใหญ่หลังจากการผ่าตัดชิ้นเนื้อออกมา อีกทั้งยังต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวที่นานมากกว่าการปลูกผมในรูปแบบ FUE
- เทคนิคการปลูกผมแบบเจาะรากผม หรือ FUE เป็นเทคนิคการปลูกผมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากเทคนิคการปลูกผมแบบ FUT เพื่อประโยชน์ในการช่วยทำให้ผู้ที่เข้ารับการปลูกผมทุกคนสามารถทำการปลูกผมได้โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งในการปลูกผมแบบเจาะรากผม หรือ FUE นั้น ทางทีมแพทย์จะใช้หัวเจาะคล้ายเข็มฉีดยาขนาด 0.75 – 1.0 มิลลิเมตร ในการย้ายเฉพาะกราฟต์ไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ
เพราะฉะนั้นแล้ว เทคนิคการปลูกผมในรูปแบบ FUE จึงได้กลายมาเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากเทคนิคดังกล่าวนั้นสามารถให้ผลลัพธ์ในการปลูกผมที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการปลูกผมแบบตัดหนังศีรษะ แต่ทว่ารอยแผลกลับมีขนาดที่เล็กมากกว่าและผู้ที่เข้ารับการปลูกผมไม่จำเป็นที่จะต้องพักฟื้นนานเท่ากับการปลูกผมด้วยเทคนิคการปลูกผมแบบ FUT
ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเข้ารับการปลูกผมได้
แม้ว่าการปลูกผมจะเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่กำลังประสบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน แต่ทว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำการปลูกผมได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์กับความต้องการของตนเอง เนื่องจากการทำศัลยกรรมปลูกผมจะเป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีจำนวนกราฟต์ของผมในบริเวณที่มีความแข็งแรงมากเพียงพอสำหรับการปลูกผมเท่านั้น อีกทั้งผู้ที่เข้ารับการปลูกผมจะต้องไม่มีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผมหลุดร่วงจากโรคผิวหนัง มีปัญหาสุขภาพที่รุนแรง หรือมีการใช้ยาบางอย่างที่ไม่เหมาะสมสำหรับการปลูกผม เพราะอาจทำให้การนำเอารากผมไปปลูกในบริเวณที่ผมบางไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพได้มากเท่าที่ควร
ในบางครั้ง ผลลัพธ์ของการปลูกผมอาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
การทำศัลยกรรมปลูกผม เป็นหนึ่งในการทำศัลยกรรมที่จำเป็นจะต้องใช้ทั้งความชำนาญและประสบการณ์ของทีมแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จากการปลูกผมจึงอาจมีความแตกต่างกันออกไปตามหลายปัจจัยในด้านต่าง ๆ อาทิ ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ เทคนิคการทำศัลยกรรมปลูกผมที่เลือกใช้ รวมถึงการปฏิบัติตัวและการดูแลรักษาผมหลังการที่ได้เข้ารับการปลูกผม นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ในการปลูกผมได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การตอบสนองของร่างกายที่มีต่อการปลูกผมของแต่ละบุคคล โดยผู้เข้ารับการปลูกผมบางคนอาจเห็นผลลัพธ์ในการปลูกผมได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาไม่นาน ในขณะที่บางคนอาจต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างนานกว่าที่ Baby Hair จะเริ่มงอกขึ้นมาอย่างเต็มที่
การปลูกผมอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
เช่นเดียวกับการทำศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ การทำศัลยกรรมปลูกผมสามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียง อาทิ ปัญหากราฟต์ผมหลุดที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปลูกผมที่ลดลง อาการบวมบริเวณหน้าผากที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองของร่างกายเมื่อเกิดบาดแผล การมีเลือดซึมในบริเวณที่ได้ทำการปลูกผม รวมถึงภาวะผมร่วงหลังจากที่เข้ารับการปลูกผม (Shock Loss) ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาการและผลข้างเคียงต่าง ๆ เหล่านี้มักจะสามารถหายได้เองภายในระยะเวลาไม่นาน แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรงมากกว่าปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาในทันที
ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำศัลยกรรมปลูกผมที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุดที่ SIAM LOFT Clinic คลินิกดูดไขมันระดับพรีเมี่ยม ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านความงามโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างครบวงจร พร้อมบริการให้คำปรึกษาปัญหาทั้งด้านศัลยกรรม ใบหน้า ผิวพรรณ ไปจนถึงปลูกผม รูปร่าง และการดูดไขมันกรอบหน้าด้วยเครื่อง j-plasma Vaser smooth2.2HD Bodytite Ulthera SPT ที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและมีความปลอดภัยที่ได้ระดับมาตรฐานสากล รวมถึงผลิตภัณฑ์และยาที่ได้รับมาตรฐานจากองค์การอาหารและยากระทรวงสาธารณสุข เพื่อลูกค้าช่วยลูกค้าคนสำคัญทุกท่านได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจในราคาที่คุณพึงพอใจมากที่สุด
สอบถามข้อมูล ปลูกผม เพิ่มเติม SIAM LOFT Clinic
โทรศัพท์ : 061-669-9252
LINE : @Siamloft.clinic
Facebook : facebook.com/SiamLoftClinic
Email : siamloft.c@gmail.com