ดูดไขมันต้นขา ดูดไขมันแขน คลินิกดูดไขมัน

บอกลาต้นขาใหญ่ ขาเบียด ด้วย ดูดไขมันต้นขา ให้ขาเรียวสวย กระชับ
แผลเล็ก กล้ามเนื้อไม่ช้ำ ออกแบบเคสต่อเคส โดยแพทย์ผู้ชำนาญการ

ไขมันต้นขา เป็นปัญหาใหญ่ของผู้ที่น้ำหนักเกินบางคนจะมาออกช่วงขาก่อน (พอ ๆ กับแขนและหน้าท้อง) เพราะตำแหน่งนี้มีการสะสมไขมันได้ง่าย และลดยาก บางคนลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายเต็มที่แล้ว ก็ยังไม่ค่อยจะได้ผลหรือช้ามากกว่าจะเห็นผล ยิ่งบริเวณต้นขาด้านนอกที่มักจะเจอได้ง่าย ทำให้หุ่นเป็นลูกแพร์ดูไม่สมส่วน

คือลักษณะคนที่ ช่วงบนเล็ก แต่ช่วงล่างใหญ่แตกต่างกันมาก โดยจะใหญ่ตั้งแต่ช่วงสะโพกลงไป สังเกตเป็นคล้ายลูกแพร์ ซึ่งเราเรียกว่าเป็น “Pear-shaped body” ซึ่งการดูดไขมันจะช่วยปรับรูปร่างในส่วนนี้ให้ดูสมส่วนได้มากขึ้น (ส่วนมากจะอยากได้รูปนาฬิกาทราย)

หลาย ๆ คนสงสัยว่าจำเป็นต้องดูดไขมันทั้งขาเลยหรือไม่ การดูดไขมันต้นขาขึ้นกับรูปร่างและปริมาณไขมันเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ในคนที่ไม่อ้วนมาก การดูดเฉพาะบริเวณต้นขาด้านนอกก็ได้ผลที่สวยงามแล้ว และเรียบเนียนมากกว่า ทั้งนี้ก็ต้องให้แพทย์ช่วยประเมินด้วยว่าควรดูดทั้งด้านนอกหรือด้านในด้วยจึงเหมาะสม

ถ้าสามารถจับดึงเนื้อขึ้นมาได้มาก ๆ มักจะเป็นไขมัน อาจทดลองจับดูเองได้ ในท่าที่เกร็งกล้ามเนื้อขาเต็มที่ เช่น ท่านอนยกขา หรือ squad

คนที่มีลักษณะหุ่นเป็นลูกแพร์ คือด้านบนเล็ก ด้านล่างใหญ่เห็นเป็นกระเปาะ บริเวณสะโพกต้นขา เหมาะกับการดูดเฉพาะด้านนอก

ตัวอย่างต้นขาด้านนอกใหญ่  จะมีลักษณะไขมันยื่นเป็นกระเปาะออกมาชัดเจน เพียงดูดไขมันด้านนอกก็ได้ต้นขาที่สวยงามมากแล้ว (จากรูปเป็นภาพหลังจากการดูดทันที)

ในบางคนที่มีต้นขาใหญ่เป็นทรงกระบอก มีไขมันที่จับได้ทั้งด้านในและด้านนอกปริมาณมาก การดูดทั้งด้านในและด้านนอก ก็ให้ผลที่สวยกว่า

ลักษณะต้นขาที่ใหญ่ทั้งด้านนอกและด้านใน ด้านนอกลักษณะไขมันยื่นออกมาชัดเจน ด้านในมองไม่เห็นส่วนเว้าเหนือเข่าและมีเนื้อเบียดกันมาก

หลาย ๆ คน สงสัยว่า หลังจากการดูดไขมันแล้วจะมีปัญหาผิวไม่เรียบ หรือดูเป็นคลื่นหรือเปล่า (มักเกิดจากการดูดตื้นจนเกินไป หรือมีปัญหาเรื่องผิวหนังหย่อนมากจริง ๆ ก็อาจจะเจอปัญหานี้ได้) จริง ๆ แล้วกรณีนี้เจอค่อนข้างยาก เนื่องจากไขมันบริเวณนี้ดูดค่อนข้างง่าย แต่ก็ขึ้นกับประสบการณ์ของแพทย์เป็นหลักด้วย

การดูดไขมัน บริเวณต้นขาด้านนอก และสะโพกควบคู่กัน ทำให้รูปร่างดูสมส่วนยิ่งขึ้น

หลาย ๆ คน สงสัยว่า หลังจากการดูดไขมันแล้วจะมีปัญหาผิวไม่เรียบ หรือดูเป็นคลื่นหรือเปล่า (มักเกิดจากการดูดตื้นจนเกินไป หรือมีปัญหาเรื่องผิวหนังหย่อนมากจริง ๆ ก็อาจจะเจอปัญหานี้ได้) จริง ๆ แล้วกรณีนี้เจอค่อนข้างยาก เนื่องจากไขมันบริเวณนี้ดูดค่อนข้างง่าย แต่ก็ขึ้นกับประสบการณ์ของแพทย์เป็นหลักด้วย

ภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังการดูดไขมันต้นขาด้านนอก ในห้องผ่าตัด สังเกตุว่าหลังการดูดผิวหนังจะเรียบเนียนดี ไม่เป็นคลื่น

เป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องทำใจ เพราะเซลลูไลท์ ก็คือเซลล์ไขมันที่เยอะจนมาแทรกอยู่ในชั้นผิวหนัง ซึ่งไม่สามารถดูดออกได้ และปัจจุบันก็ยังไม่มีวิธีที่ได้ผลชัดเจนในการรักษา
การดูดไขมันเป็นการกำจัดเฉพาะเซลล์ในชั้นไขมัน ไม่สามารถกำจัดเซลล์ในชั้นผิวหนังได้ ดังนั้นจึงไม่ทำให้เซลลูไลท์ดีขึ้น แต่ก็มักจะไม่ทำให้แย่ลงเช่นกัน

จุดเจาะจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่แพทย์วินิจฉัยจะดูดและจะเจาะเฉพาะ จุดที่จำเป็นและเข้าถึงบริเวณที่ต้องการเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อบริเวณการดูดดังนั้นจะไม่ได้จำกัดจุดที่แน่นนอนว่าแต่งคนต้องเจาะกี่จุด แต่โดยเบื้องต้นจะมีจุดเจาะตามนี้

  1. บริเวณต้นขาด้านนอก – บน แพทย์จะแอบจุดเจาะแผลขนาดประมาณ 0.3 mm บริเวณต้นขาด้านบนใกล้ ๆ สะโพกด้านหน้า และหลัง (ใกล้แนวขอบกางเกงใน)
  2. บริเวณต้นขาด้านนอก – ล่าง : บริเวณเหนือเข่าด้านนอก ด้านหน้าและหลัง
  3. บริเวณต้นขาด้านใน – บน : จะแอบแผลที่เจาะไว้ใกล้ขาหนีบอีก 1-2 จุดแล้วแต่กรณี
  4. บริเวณต้นขาด้านใน – ล่าง : บริเวณเนือเข่าด้านใน 1-2 จุดแล้วแต่กรณี
  1. หลังดูดไขมัน จะมีน้ำซึมจากแผลค่อนข้างมาก ซึ่งจะไหลซึมออกมาเรื่อย ๆ ประมาณ 1-2 วัน โดยให้ใช้ผ้าอนามัยแปะไว้เมื่อทำกิจวัตรประจำวันซับไว้ และแผ่นรับซับเวลานอน
  2. แผลมีลักษณะเหมือนปากกาจุด ไม่จำเป็นต้องเย็บ แต่ต้องรักษาความสะอาดทำแผลสม่ำเสมอ และแผลห้ามโดนน้ำ 7 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  3. สิ่งที่สำคัญคือการใส่ผ้ากระชับ ในช่วง 1 เดือนแรกควรสวมชุดกระชับเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ให้ถอดได้เฉพาะเวลาอาบน้ำ หรือวันละ 1-2 ชม. ในเดือนที่ 2-3 ให้ใส่วันละ 12 ชม. ทั้งนี้เพื่อให้ผิวหนังมีความกระชับ ได้รูปที่สวยงาม
  4. หลังจากดูดไขมัน จะมีอาการปวดล้า กล้ามเนื้อต้นขาได้บ้างเล็กน้อย แต่สามารถเดินได้ตามปกติ สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที
  5. สามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้หลังดูดไขมัน 3 สัปดาห์ และออกกำลังหนักได้หลังดูดไขมัน 6 สัปดาห์
  6. อาการช้ำ และปวด จะดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่อาการบวมจะเป็นนานมากที่สุด ซึ่งอาจจะนานถึง 3 เดือน ทั้งนี้เพราะการดูดไขมันจะไปรบกวนระบบน้ำเหลืองและการไหลเวียนเลือดบ้าง ทำให้ฟื้นตัวนาน
  7. เห็นผลการรักษาได้ 80% เมื่อผ่านไป 3 เดือน และ 100% เมื่อครบ  6 เดือน
  8. อาจมีอาการปลายประสาทอักเสบ รู้สึกชา ๆ จี๊ด ๆ บริเวณที่ทำการดูดไขมันได้ ซึ่งจะหายไปเอง เมื่อครบ 3 เดือน

ดูดไขมันต้นขา เป็นวิธีหนึ่งในการปรับรูปร่างให้ดูดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมมากในบริเวณต้นขา อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจที่จะทำการดูดไขมันควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

**หมายเหตุ : ผลการรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การรักษาอาศัยวิจารณญาณแพทย์เป็นสำคัญ

อยากสวย หุ่นดี ต้องที่ Siam Loft Clinic
สนใจดูดไขมันต้นขาสามารถจองคิวได้ทาง Line official หรือ ติดต่อ​สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

โทรหา สยามลอฟท์ คลินิก Siamloft Clinic