ปลูกผมถาวร FUE DHI เป็นอย่างไร

ไม่โอเคแน่หากคุณมีปัญหา เสยผมแล้วเห็นหนังศีรษะเพราะ หน้าผากเถิก หรือศีรษะล้าน ไม่ว่าจะเพราะพันธุกรรมหรือผลข้างเคียงของโรคบางอย่าง หรือด้วยพฤติการที่เสี่ยงต่ออาการผมร่วงจนมากเกินไป หลังอาบน้ำคอยเก็บผมไปทิ้ง การปลูกผมถาวรอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการรักษา แต่ก่อนจะตัดสินใจทำ เราควรศึกษาข้อมูลก่อนว่าสิ่งที่เราต้องทำก่อนและหลังต้องดูแลอย่างไร และสิ่งใดควรหลีกเลี่ยง เพื่อให้เราได้ความมั่นใจกลับมาได้เหมือนเดิมอีกครั้ง จำเป็นต้องปรึกษาหาสาเหตุและเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การปลูกผมมีหลากหลายเทคนิคแต่วิธีที่เป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นั่นคือ การปลูกผมถาวร แบบย้ายรากผม เป็นเทคนิคนี้จะใช้การเจาะเอารากผมที่แข็งแรงที่สุด ซึ่งเป็นบริเวณที่รากผมมีความแข็งแรงและไม่ได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน จากบริเวณท้ายทอย (Donor Area) ที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) มาทำการปลูกผม ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการปลูกผมเทคนิค FUE คือความสวยงามและดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งภายในเวลา 12-18 เดือนเส้นผมก็จะงอกขึ้นใหม่เต็มที่และเป็นธรรมชาติโดยไม่ร่วงอีก ทั้งยังปลูกผมทับบริเวณที่เป็นแผลเป็นได้อีกด้วย ผมที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการปลูกผมจะมีวงจรชีวิตเหมือนกับผมจริงๆ สามารถร่วงและขึ้นได้ใหม่ บางคนจึงอาจเรียกการศัลยกรรมปลูกผมว่า “การปลูกผมถาวร”

การปลูกผมมีมาตั้งแต่ปี 1950 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบันได้พัฒนาเทคนิคและนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำมากขึ้น โดยเทคนิคในการปลูกผมที่นิยม ได้แก่ FUE (Follicular Unit Excision) ซึ่งเครื่องมือได้รับการพัฒนาเพื่อนำกราฟท์ออกมาหลากหลายรูปแบบด้วยกัน หลักๆ จะมี 3 รูปแบบ คือ 

  1. แบบ Motorized จะเป็นเครื่องเจาะแบบมอเตอร์ ช่วยลดอาการบาดเจ็บของผิวหนังบริเวณศีรษะและรากผมได้ค่อนข้างดี เหมือนอย่างเช่นที่ Siam Loft Clinic เราเลือกใช้เราเลือกใช้เครื่องเจาะและหัวเจาะแบบ Hybrid ของ WAW FUE SYSTEM จากประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งจะช่วยลดโอกาสสร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อรากผมได้ดี
  2. แบบ Manual เป็นการเจาะโดยตรงซึ่งเป็นวิธีที่อาจะสร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อรากผมมากกว่าวิธีอื่น
  3. แบบ Robotic Arm เป็นการใช้หุ่นยนต์เพื่อทำการเจาะรากผมออกมา โดยมีแพทย์เป็นผู้ควบคุมระบบ ซึ่งมีความแม่นยำสูง และก็ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงมากตามไปด้วยทางคลินิกจึงเลือกใช้เครื่องมือแบบ Motorized 

เทคนิค DHI (Direct Hair Implantation) เป็นการใช้ Implanter Pen ในขั้นตอนการใส่กราฟท์ผมกลับเข้าไปในร่างกาย (graft placement) อุปกรณ์นี้มีรูปทรงคล้ายปากกาและยังมีปลายเป็นท่อโลหะเล็กๆ ยาวยื่นออกมาเพื่อไว้ใส่รากผม ช่วยปกป้องรากผมไม่ให้ถูกทำลายหรือเสียหายเวลานำกราฟท์ไปปลูกลงบริเวณที่ต้องการ โอกาสการงอกของผมจึงมีสูงกว่าการใช้คีม (Forceps) เพราะรากผมที่ถูกคัดแยกออกมาจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ รากผมไม่บอบช้ำจากการโดน Forceps หนีบ เส้นผมก็จะมีโอกาสติดและงอกใหม่สูงขึ้นอีกด้วย

ข้อดีของการปลูกผมถาวร แบบย้ายรากผม เทคนิค FUE Hair Transplant

  1. ไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ : วิธีนี้จะใช้เครื่องเจาะนำกราฟต์ผมออกมา ซึ่งไม่ก่อให้เกิดรอยแผลที่มีขนาดใหญ่ โดยจะมีรอยแผลขนาดรูเล็กที่มองไม่ค่อยเห็นกระจายอยู่บริเวณหลังศีรษะ แผลเหล่านั้นจะหายเองตามธรรมชาติ แต่อาจจะใช้เวลาในการพักฟื้นมากกว่าหนึ่งสัปดาห์
  2. ไม่ต้องผ่าตัด : การปลูกผมถาวร แบบย้ายรากผมเทคนิค FUE ไม่มีการผ่าตัดบริเวณหลังศีรษะ ซึ่งจะทำให้คนไข้จะรู้สึกเจ็บแผลด้านหลังน้อยกว่าและไม่รู้สึกตึงหนังศีรษะ ส่งผลทำให้แผลบริเวณดังกล่าวหายเร็วกว่า การปลูกผมถาวรเทคนิค FUT แบบดั้งเดิม
  3. นำผมไปปลูกบริเวณอื่นได้ เช่น ปลูกคิ้ว ปลูกหนวด ปลูกจอน ปลูกเครา สามารถนำขนจากบริเวณอื่นของร่างกาย มาปลูกที่ศีรษะได้เช่นกัน (ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ แล้วแต่กรณี)

การเตรียมตัวก่อนทำ

  1. แจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว และยาที่รับประทานเป็นประจำ
  2. แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติการรักษาเกี่ยวกับหนังศรีษะ เชื้อรา เคยเติมสารเติมเต็มบริเวณหน้าผาก ซิลิโคนเหลว หรือเสริมซิลิโคน ประวัติการเคยปลูกผมมาก่อน
  3. หยุดยาและวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิดที่ทำให้เลือดหยุดยาก เช่นยาละลายลิ่มเลือด วิตามินC,E น้ำมันตับปลา แป๊ะก๊วย โสม ควรหยุดทานก่อนการปลูกผมประมาณ 1-2 สัปดาห์
  4. ควรงดบุหรี่และแอลกอฮอลก่อนและหลังการรักษา 2 สัปดาห์
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง
  6. รับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหารก่อนการรักษา
  7. กรณีรากผมไม่แข็งแรงแพทย์อาจให้รับยากลุ่มวิตามินและยาบำรุงรากผมก่อนทำการปลูกผมเป็นเวลา 1-3 เดือนขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

ข้อจำกัดในการปลูกผม

สำหรับบางคนที่รากผมไม่แข็งแรง ผมบาง และมีผมบริเวณท้ายทอย(doner area)ที่จะทำการเก็บน้อยอาจทำให้ ผมที่ถูกย้ายมา ไม่พอต่อพื้นที่ใหม่ที่จะทำการปลูก แพทย์อาจมีการวินิจฉัยและพิจารณาเป็นรายๆไป

ขั้นตอนการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE

ขั้นตอนที่ 1 : การเตรียมพร้อมรากผมสำหรับการปลูก

แพทย์จะออกแบบแนวผมที่จะทำการปลูกใหม่พร้อมกำหนดพื้นที่บริเวณที่จะปลูกผมให้เหมาะสมกับลักษณะโครงหน้าของคนไข้ หลังจากนั้นจะโกนผมบริเวณหนังศรีษะด้านหลัง เพื่อให้ง่ายต่อการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงจากทางด้านหลังมาปลูกบริเวณที่ต้องการ

ขั้นตอนที่ 2 : การเจาะเพื่อดึงเซลล์รากผม

แพทย์จะทำการเก็บรากผมบริเวณท้ายทอย โดยเริ่มจากการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและฉีดยาชา เมื่อยาชาออกฤทธิ์คนไข้จะไม่มีความรู้สึกแพทย์จะใช้หัวเจาะแบบ Hybrid ของ WAW FUE SYSTEM ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 1 มม. เพื่อเจาะนำรากผมออก

ขั้นตอนที่ 3 : ตัดแต่งกราฟผมและแช่น้ำยาบำรุงรากผม

หลังจากได้กราฟผมแล้วทีมแพทย์จะตัดแต่งกราฟผมเพื่อให้สามารถปลูกลงบนหนังศีรษะได้ และแช่ในน้ำยา HypoThermosol บำรุงรากซึ่งออกแบบมาเพื่อการปลูกผมโดยเฉพาะ

ขั้นตอนที่ 4 : ทำ PRP ก่อนทำการลงรากผมในศีรษะ

แพทย์จะทำการเก็บเลือด 20 cc เพื่อเป็นวัตถุดิบในการนำไปผสมกับสารบำรุงและปั่นแยกส่วนผสมทำ PRP ก่อนการลงกอผมบนหนังศีรษะ เพื่อบำรุงให้รากผมที่ลงปลูกมีโอกาสติดมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 5 : การฝังกอผม (กราฟต์)

ในขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ลงรากปลูกผม และความหนาแน่นของผม

ขั้นตอนที่ 6 : ทำความสะอาดพร้อมพันผ้าปกป้องกอผม

หลังจากการปลูกผมเสร็จสิ้น จะทำการทำความสะอาดและพันผ้าบนศรีษะผู้ป่วยเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก และป้องกันรากผมถูกกระทบกระเทือนในระยะแรก

หมายเหตุ :

ในขั้นตอนที่ 5 นี้ ผู้ที่เลือกทำเทคนิค DHI ในขั้นตอนที่ 5 นี้ ผู้ที่เลือกทำเทคนิค DHI จะใช้ Implanter Pen ผู้ช่วยแพทย์จะทำการใส่รากผมใน Implanter Pen ก่อน จึงให้แพทย์ลงรากผมบนหนังศีรษะ

หากผู้ที่ไม่เลือกใช้ เทคนิค DHI ก็จะเป็นการใช้ คีม (Forceps) ในการลงรากผมปกติ

หลังการปลูกให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และผู้ดูแล โดยสามารถนอนหงายได้ปกติ แต่ควรจะคาดผ้าเพื่อป้องกันหน้าบวม ในระยะแรกหลังการผ่าตัด เส้นผมจะร่วงไปก่อนโดยรากผมจะเข้าสู่ระยะพักประมาณ 3-4 เดือน จึงเริ่มงอกขึ้นมาใหม่ อัตราการยาวของเส้นผมจะเท่ากับเส้นผมปกติตามธรรมชาติของผู้ทำการปลูกผม

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

  1. ผู้ป่วยอาจเกิดการบวมบริเวณหน้าผากหลังการปลูกผม
  2. หลังปลูกผม 1 สัปดาห์ ผมที่ปลูกไว้อาจร่วงมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับบุคคล แต่หากรากผมติดผมจะงอกออกมาตามแนวที่ปลูกไว้เอง 
  3. ผมที่งอกต้องใช้เวลานาน 6-8 เดือนจึงจะเห็นผลที่แตกต่าง
  4. อาจมีอาการชาบริเวณหนังศีรษะหลังการปลูก ซึ่งอาการดังกล่าวก็มักจะหายไปได้เอง

การดูแลตัวเองหลังทำ

  1. ไม่ให้โดนน้ำและไม่ให้สระผม 7 วัน โดยเทคนิค DHI รูแผลเล็กจะปิดเองภายใน 3 วัน หลังจากนั้นสามารถใช้น้ำเกลือลูปเบาๆ ได้
  2. รับประทานยาตามแพทย์สั่ง และงดกลุ่มยา aspirin 1 สัปดาห์
  3. งดสูบบุหรีและแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์ หลังผ่าตัด
  4. ควรนอนยกศีรษะสูง ให้หนุนหมอน 2-3 ใบ สูงขึ้นประมาณ 30 องศา เพื่อลดอาการปวดบวม และใช้หมอนใบเล็กรองต้นคอเพื่อลดแรงกดที่แผลบริเวณท้ายทอย
  5. ควรสวมหมวก เวลาออกจากที่พัก เพื่อป้องกันแสงแดด และฝุ่นควัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์
  6. งดออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก และยกของหนัก 1 สัปดาห์งดซ่าวน่า 1 เดือน
  7. ไม่ควรแกะ เกา บริเวณสะเก็ดและกราฟผม เพราะจะทำให้กราฟหลุด และอาจติดเชื้อได้
  8. รับประทานยาและวิตามินตามแพทย์สั่ง อย่างสม่ำเสมอและเคร่งครัด

ผลลัพธ์ของการปลูกผม

คนส่วนใหญ่ประมาณ 60% มักใช้ระยะเวลาที่จะเห็นผลลัพธ์ของการปลูกผมถาวรได้อย่างชัดเจนประมาณ 6-9 เดือน โดยแพทย์อาจจะพิจารณาให้กินยาเพิ่มเติมร่วมด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการและดุลยพินิจของแพทย์ และแม้ว่าการปลูกผมจะดูเหมือนใช้เวลาหลายเดือน แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการปลูกผมสามารถสร้างเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้นอย่างแน่นอน

รีวิวปลูกผม

รีวิวปลูกผม

DHI-FUE (Direct Hair Implanter Follicular Unit Extraction) ไม่จำกัดจำนวนกราฟ

ปลูกผม 39,000 บาท
ปลูกผมด้วยเทคนิค
Implanter Pen 59,999 บาท
ตรวจเลือด ราคา 1,500 บาท
ยาและวิตามินสำหรับ กลับบ้าน ราคา 7,000 บาท
ฟรี PRP 1 ครั้งวันที่ทำการปลูกผม